คำถาม - คำตอบ (๑๖ - ๑๗)
(ตามธัมมคัมภีระ)
๑๖. (คำถาม) พระธัมมทูต
คืออะไร?
(คำตอบ) พระธัมมทูตจริงๆ เป็น “พุทธประเพณี”
มีมาในสมัยพุทธกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงส่งพระอรหันตสาวก ๖๐ รูป
ไปประกาศธัมมะ ไปประกาศพระศาสนาโดยตรัสว่า “ดูกร ภิกขุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก
เพื่อความสุขแก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าไปทางเดียวกันสองรูป
พวกเธอจงแสดงธัมมะ งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
จงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอัตถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง
แม้ตถาคตก็จักไปยังอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธัมมะ”
ต่อมาในสมัยของ พระเจ้าอโศกมหาราช โดย พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ
ทรงทราบโดยอนาคตังสญาณว่า ภายภาคหน้าพระพุทธศาสนาจะไม่รุ่งเรืองในชมพูทวีป
แต่จะไปรุ่งเรืองตั้งมั่นในประเทศแว่นแคว้นอื่นๆ พระเถระจึงขอพระบรมราชานุภาพของ พระเจ้าอโศกมหาราช อุปถัมภ์จัดส่งคณะสมณทูต
๙ สาย ไปประกาศธัมมะ ได้แก่ :
๑.
คณะพระมัชฌันติกเถระ ไปยังแคว้นกัสมีระ
และคันธาระ ปัจจุบันได้แก่ ดินแดนแถบตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย
ตลอดจนเข้าไปถึงบางส่วนของอาฟกานิสถาน
๒.
คณะพระมหาเทวเถระ
ไปยังแคว้นมหิสสกมณฑล ปัจจุบันได้แก่ แคว้นไมเซอร์ และดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำโคธาวารี
ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของอินเดีย
๓.
คณะพระรักขิตเถระ ไปยังวนวาสีประเทศ
ปัจจุบันได้แก่ แคว้นกนราเหนือ
ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ในครั้งนั้นมีวัตรทางพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นถึง ๕๐๐
อาราม
๔.
คณะพระธัมมรักขิตเถระ
ท่านเป็นฝรั่งชาติกรีก ดูเหมือนจะเป็นฝรั่งต่างชาติคนแรกที่อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ได้ไปเผยแผ่ธัมมยังอปรันตชนบท
มีผู้สันนิษฐานว่า จะเป็นแถบชายทะเลเหนือของเมืองบอมเบย์ ในปัจจุบัน
๕.
คณะพระมหาธัมมรักขิตเถระ
ไปยังมารัฏฐะ ปัจจุบันได้แก่ ดินแดนแถบตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากเมืองบอมเบย์
๖.
คณะพระมหารักขิตเถระ ไปยังประเทศโยนก
ปัจจุบันได้แก่ แว่นแคว้นของฝรั่งชาติกรีก ในทวีปเอเชียตอนกลาง
เหนือประเทศอิหร่านต่อไปจนถึงเตอรกีสถาน
๗.
คณะพระมัชฌิมเถระ พระกัสสปโคตเถระ
พระมูลกเทวเถระ พระทุนทภิสสเถระ และพระเทวเถระ ไปยังหิมวันตะ
ปัจจุบันได้แก่ ดินแดนแถบเทือกเขาหิมาลัย
๘.
คณะพระโสณเถระ และ พระอุตตรเถระ ไปยังแคว้นสุวรรณภูมิ
ตอนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาภาคใต้ของประเทศไทย
๙.
คณะพระมหินทเถระ พระอุตติยเถระ พระสัมพลเถระ
พระอิฏฏิยเถระ พระภัททสาลเถระ สุมนสามเณร และภัณฑกอุปาสก ไปยังเกาะตัมพปัณณิทวีป
(เกาะลังกา) ในระยะนั้นมี พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินอยู่
พระมหินทเถระทรงชักจูงให้พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
พระพุทธศาสนาในศรีลังกาจึงตั้งมั่นสืบมาจนบัดนี้
จะสังเกตว่าในสมัยพุทธกาลหรือระยะต้นๆ
หลังพุทธกาล คณะธัมมทูต ล้วนเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ทรงอภิญญาฤทธิ์เป็นส่วนมาก
จดจำพระธัมมะของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธัมมขันธะ การแสดงธัมมะ จึงไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่ศัพท์ธัมมะเดียว
เพราะมี “ปาละ” รักษาไว้ในจิตตะ รักษาพุทธธัมมะอยู่ในจิตตะ
ไม่เหมือนปัจจุบันนี้ ซึ่งหาผู้จดจำธัมมะได้ยากมาก
จะมีอยู่บ้างที่ประเทศพม่าซึ่งยังมีจำนวนน้อยนัก ในสมัยกาลก่อนนั้นจึงเป็น “พระธัมมทูต” โดยแท้จริง.
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
***วิเสสลกฺขณมิตฺตา***
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก(ติปิฏกะ) ๘๔๐๐๐ พระธัมมขันธะ
............................................................................................................
๑๗. (คำถาม) พระภิกขุจัด
“งานวันเกิด” สมควรหรือไม่?
(คำตอบ) พระภิกขุจัด “งานวันเกิด” ไม่ได้ เพราะพระภิกขุขาดจากความเป็น
“ฆราวาส” แล้ว งานวันเกิดเป็นเรื่องของฆราวาส ซึ่งฆราวาสยังมีพ่อแม่
ที่ให้กำเนิดคลอดตนออกมา
ซึ่งงานวันเกิดของฆราวาสแท้จริงแล้วเป็นวันที่แม่เจ็บท้องแทบเป็นแทบตายที่จะคลอดให้กำเนิดบุตรออกมา
ควรที่จะ “จัดงานวันแม่” แทนที่จะจัดงานให้ตนเอง แล้วไป “กราบแทบเท้าแม่สำนึกในพระคุณที่ได้อุ้มท้องให้กำเนิด
และเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่” รวมทั้งจัด “งานวันพ่อ” ให้แก่บิดาด้วย
พระภิกขุมีเกิด ๒
ครั้ง
คือ :
๑.
เกิดเป็นฆราวาส เกิดจากบิดามารดา
๒.
เกิดในพระพุทธศาสนา วันที่ได้ปัพพัชชาเป็นสามเณร
และอุปสัมปทาเป็นพระภิกขุ นั่นแหละคือ “เกิดแล้วในพระพุทธศาสนา”
วันที่ได้รับสวดญัตติจตุตถกัมมะในพระอุโปสถนั่นแหละ คือ เกิดแล้วในพระพุทธศาสนา
ขาดตอนจากความเป็นฆราวาสแล้ว ถ้าภิกขุยัง “จัดงานวันเกิด” อยู่อีก
เท่ากับว่าไปเป็นฆราวาสใหม่ เป็นการประกาศตนว่า “วันนี้ฉันเป็นฆราวาส”
และอาจจะเป็นไปตลอดชีวิต บวชมา ๑๐ พรรษา อยู่ดีๆ มาประกาศว่า วันนี้ขอกลับเป็นฆราวาสอีก!
แล้วจะจัดไปทำไม?
ฉะนั้น
พระภิกขุไม่มีหน้าที่จัด “งานวันเกิด” สิ่งที่ควรทำคือ เจริญธัมมะถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าในวันที่ได้เกิดแล้วในพระพุทธศาสนา
เจริญธัมมะพระวินัย ๒๑,๐๐๐ พระธัมมขันธะ เจริญพระสูตร
๒๑,๐๐๐ พระธัมมขันธะ และ เจริญพระอภิธัมมะ ๔๒,๐๐๐ พระธัมมขันธะ จนจบทั้งเล่ม
ภิกขุเกิดมาแล้วยังไม่รู้จักว่า
“เกิดคืออะไร?” ยังจะจัดงานวันเกิดกันให้วุ่นไปหมด นี่แหละเพราะไม่สิกขาธัมมะของพระพุทธเจ้า
“เกิด
คือ ชาติ”
เพียงให้เห็นง่ายๆ มี ๒ ประการ คือ :
ชาติ : ๑. นามชาติ
๒. รูปชาติ
นามชาติ : อุปาทนามชาติ ฐิตินามชาติ ภังคนามชาติ
รูปชาติ : อุปาทรูปชาติ ฐิติรูปชาติ
ภังครูปชาติ
แล้วจะมีวันเกิดที่ตรงไหน?
ตรงไหนบอกว่ามีวันเกิด? ไม่มีเลย มีแต่ อุปาทะ
(เกิดขึ้น) ฐิติ (ตั้งอยู่) ภังคะ (ดับไป หรือ เก็บไป) จนกว่าจะเก็บแบบไหน
เพื่อไปสร้างเป็น กัมมชรูป! เวียนว่ายในสังสารวัฏฏ ๓๑
ภูมิอีกต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด.
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
***วิเสสลกฺขณมิตฺตา***
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก(ติปิฏกะ) ๘๔๐๐๐ พระธัมมขันธะ
.............................................................................................................