วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปัญหาโลกแตก ! ไก่ กับ ไข่ ใครเกิดก่อน?


ปัญหาโลกแตก !
ไก่ กับ ไข่   ใครเกิดก่อน?

    

ปัญหาโลกแตก! ไก่ กับ ไข่ ใครเกิดก่อน?
ไก่ กับ ไข่   ใครเกิดก่อน?     เป็นปัญหาโลกแตกที่ตอบกันไม่ได้มานานแสนนาน  ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในประเทศใด ภาษาใด  คำตอบก็จะวนกลับไปกลับมา เป็นวงกลมไม่มีที่ยุติว่า  ไก่ เกิดก่อน ไข่ หรือ ไข่ เกิดก่อน ไก่  ไก่ ไข่ออกมาก็จะเป็น ไข่  ไข่ ฟักตัวออกมาก็จะเป็น ไก่ หรือสัตว์ที่เกิดจากไข่ทุกชนิด  อะไรเกิดก่อนกัน?  มนุษย์ขบคิดปัญหานี้กันมานานแล้ว   แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่จะยุติข้อข้องใจนี้ได้

แต่ในหลักธัมมะของพระพุทธศาสนา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระสัพพัญญู    ทรงเฉลยปัญหาได้หมดทุกรูปแบบ   ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องใดๆทั้งสิ้น   พระอภิธัมมะสามารถเฉลยปัญหาทุกเรื่องได้หมดสิ้น  สิ้นข้อสงสัย   ทุกปัญหายุติ   ยุติที่ธัมมะ   ดังเรื่อง  ไก่ กับ ไข่  ใครเกิดก่อน?

มนุษย์ และ สัตว์ล้วนมีความคิดมากมาย นานา ความคิด ตามที่ได้ สะสมมาในทุกขณะจิต เช่น เรามีความคิดอยากเป็นไก่ มีความคิดแบบไก่ มีโลภะแบบไก่   มีโทสะแบบไก่  มีโมหะแบบไก่    อยากกินอาหารแบบไก่  ขันได้แบบไก่  บินได้แบบไก่   ทำอะไรทุกอย่างได้แบบไก่ๆ ในจิตของเราก็จะสะสมความคิดอยากเป็นไก่ สร้างรูปเป็นไก่ (จิตสร้างรูปเรานึกถึงไก่เราจะเป็นไก่ได้เลยไหม? ไม่ได้  เราต้องรอวันเวลา แต่เรามีความเป็นไก่พร้อมอยู่แล้วในจิตของเราเป็น  กัมมอารัมมณะ(กมฺมอารมณเพราะเรามี ภวังคจิต ๑๙  ซึ่งประกอบด้วย  :

อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง กามาวจรอกุสลวิปากจิตตะ ๑
อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง กามาวจร อเหตุกกุสลวิปากจิตตะ ๑
กามาวจร มหาวิปากจิตตะ 
รูปาวจร มหาวิปากจิตตะ   
อรูปาวจร มหาวิปากจิตตะ  

ไก่เป็นสัตวติรัจฉาน จิตที่จะนำไปเกิดในอปายภูมิ ( สัตวนรก  เปรต  อสุรกาย  สัตวเดรัจฉานคือ  อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง  กามาวจร อกุสลวิปากจิตตัง (อุเปกขา  สันตีรณ  อกุสลวิปาก) คอยวันเวลาที่เราจะเคลื่อนจากความเป็นคนไปเกิดเป็นไก่   เพราะ จุติจิต ๑๙ปฏิสนธิจิต ๑๙ … ภวังคจิต ๑๙
(ปฏิสนธิจิต... ภวังคจิต... จุติจิต... ล้วนมีจิต ๑๙ เหมือนกัน)

เวลาเราตาย เรียก จุติ  ตรงกับภาษาไทยว่า  เคลื่อนไปหาภพใหม่  หรือ  ตาย  จิตของเรามีความคิดนานาชนิดเป็นล้านๆ ความคิด ทั้ง โลภจิต  โทสจิต  โมหจิต เวลาตายจะต้องไปเกิดให้ครบชนิดของความคิดที่จิตเขาสร้างรูปไว้  จิตเรามีกระต่ายบ้าง  เต่าบ้าง  ปลาบ้าง ฯลฯ นานาชนิดในจิตของเรา 

การจะเกิดรูป(รูป)ได้   พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนไว้ว่า    มาจาก  รูปสมุฏฐาน ซึ่งมีองค์ประกอบ   คือ
กัมมชรูป  
. จิตตชรูป  
. อุตุชรูป     
. อาหารชรูป  
เพราะจิตสร้างรูปเรียก   กัมมชรูป  เราทำอะไรมา  เราต้องไปสร้างอย่างนั้น   จิตเขาสร้างภูมิไว้ให้แล้ว ภูมิ  คือ วิปาก
วิปาก  คือ  ผล  วิปาก คือ สร้างที่อยู่ไว้ให้ ต้องมีที่อยู่ คือ     มีภพ หรือ ภวะ นั่นเอง  ภูมิ ก็คือ ภพ  ภพที่จะไปได้ต้องมีวิปาก    คือ มีกัมม(กมฺม) ที่ทำให้เกิดภูมินั่นเอง  จิต สร้าง รูป ตาม กัมมะ ที่ทำมา

จิต ที่นำไปเกิดเป็น ไก่ เป็นจิตที่เป็น อุเปกขาสันตีรณ  อกุสลวิปากจิต  ที่รับผลมาจาก โลภะ    โทสะ      โมหะ      เป็นลักขณะสภาวะของจิตแต่ละจิตใน อกุสลจิต ๑๒  เมื่อมีการทำงานระหว่าง จิตกับเจตสิก จะเปลี่ยนจาก
โลภะ      เป็น     โลภเหตุ     
โทสะ      เป็น     โทสเหตุ    
โมหะ      เป็น     โมหเหตุ ๑๒
ใน อกุสลจิต ๑๒ จะมี อกุสลเหตุ ๒๒   
เมื่อทำงานกันแล้วจึงจะก่อให้เกิดอะไรขึ้น?     อะไรจะไปบังเกิดเป็นอะไรก็ตาม   จะจดบันทึกอยู่ในจิตของเราตลอดเวลา มาจากการบันทึกของ สัญญา คือ สัญญาเจตสิก ในจิต   หลังจากนั้นเขาจะสร้างรูป ให้เมื่อมีสภาวะเหมาะสมควรแก่การสร้างรูปนั้น

การจะก่อเกิดเป็นรูป       ถ้ามีเพียง กัมมะ  กับ จิต(จิตฺต)   ยังไม่เกิดรูป   จะต้องมี อุตุ และ อาหาร มาประกอบด้วย  จึงจะก่อเกิด รูป ขึ้นมาได้       เพราะ  การจะเกิดรูป ได้ต้องมีองค์ประกอบ   คือ :
กัมมชรูป       
จิตตชรูป       
อุตุชรูป          
อาหารชรูป  
รวมเรียกว่า รูปสมุฏฐาน

สมมุติเราจะไปเกิดเป็นไก่     เขาสร้างรูปไว้ในจิตของเราแล้วว่าจะต้องเป็นไก่ เราจะไปเป็นสัตวติรัจฉาน เป็นไก่โดยไม่มีรูปไม่ได้      พูดถึงรูปก็ต้องนึกถึง มหาภูตรูป   
ในมหาภูตรูป มี อวินิพโภครูป
อวินิพโภครูป ๘  ประกอบด้วย :  
ปฐวีมหาภูตรูป    
อาโปมหาภูตรูป      
เตโชมหาภูตรูป       
วาโยมหาภูตรูป       
รูปวิสยรูป              
คันธวิสยรูป             
รสวิสยรูป                  
อาหารรูป            
 จิตที่จะไปปฏิสนธิเป็นไก่    จะต้องเข้าไปอาศัยสร้างรูปไก่ขึ้นมา   เพราะเราทำ กัมมะ ที่จะต้องเกิดเป็นไก่  ก็ต้องเป็นไก่
         
องค์ประกอบของการเกิดของสัตวะ มี อย่าง :
อัณฑชกำเนิด                เกิดในไข่
ชลาพุชกำเนิด         เกิดในครรภ์
สังเสทชกำเนิด         เกิดในเถ้าไคลที่เปียกชื้น
โอปปาติกกำเนิด        อุปัตติเกิดขึ้น

การจะเกิดเป็นไก่ ต้องมีมหาภูตรูปให้เป็นที่เกิด คือ ต้องมี ไข่ ที่เป็น มหาภูตรูป  คือมี  อวินิพโภครูป   หรือแม้ในครรภ์  ในที่เปียกชื้น ก็ต้องมีมหาภูตรูป   ถ้าเราจะเป็นไก่พอจุติ (เคลื่อนไปหาภพใหม่ไก่จะออกมาก่อน    เรียก  กัมอารัมมณะ    เมื่อ จุติจิต มี กัมมอารัมมณะ ออกทาง ภวังคจิต      จุติ แล้ว ปฏิสนธิ เข้าไปที่ไข่     ซึ่งเป็นมหาภูตรูปที่รวมตัวเป็นไข่    เป็นสสัมภาระแล้ว  (ตอนที่เราเป็นคน เมื่อตายเสร็จแล้ว   จุติจิต ด้วย ภวังคจิต ๑๙  ใน ๑๙ จิตนี้ มีจิตที่เป็น อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง กามาวจร  อกุสลวิปากจิตตัง  พาไป อปายภูมิ : สัตวนิรย(สัตว์นรก)   เปต(เปรตอสุรกาย(อสุรกายสัตวติรัจฉาน(สัตว์เดรัจฉานในสัตวอปายภูมิ มีกัมม(กมฺม)ที่จะต่อด้วย กัมมอารัมมณะ ตรงนี้    คือ  ความเป็นไก่ เมื่อเวลา จิต ที่เข้าไปที่ไข่เป็น  อัณฑชวิญญาณ  เป็น
ปฏิสนธิวิญญาณ ซึ่งมี ๑๐ จิต คือ :  
อุเปกขาสันตีรณ อกุสลวิปากจิต               
อุเปกขาสันตีรณ อเหตุกกุสลวิปากจิต  
กามาวจร  มหาวิปากจิต                         

เข้าไปที่ไข่แล้วก็เริ่มสร้าง รูป ตาม กัมมะ(จิตสร้างรูปเรียก กัมมชรูป   คำว่า  กัมมะ จะไปทั้งอปายภูมิ๔(อบายภูมิ๔)...  มนุสส (มนุษย์๑)… เทวตา๖(เทวดา๖)…พรหม๑๖ … อรูปพรหม๔  สามารถไปเป็นขันธะมีรูป และ ขันธะที่ไม่มีรูปได้      กัมมชรูป จะควบคุมให้สร้างรูปนี้ให้เป็นไก่  จะกินอาหารอย่างไรก็ตามก็ออกมาเป็นไก่  สภาวะแวดล้อมในไข่ และอาหารที่ลูกไก่จะได้รับขณะยังเป็นตัวอ่อนอยู่ในไข่ ก็คือ ไข่แดงของไข่  ก็เป็นอุตุ  และเป็นอาหาร    ที่ร่วมกันก่อให้เกิด รูปไก่  ขึ้นมา (ในอุตุและอาหาร ก็มีอวินิพโภครูป เช่นกัน)

เนื่องด้วยจิต มีการสะสมที่วิจิตรพิสดาร           อันเกิดเนื่องด้วยกัมมะ  ดังนั้น      รูปที่เกิดจากการสร้างของจิต จึงมีหลากหลาย นานา ชนิด  เช่นเดียวกันในเรื่องของ ไก่”   เราจะเห็นว่ามีไก่นานาพันธุ์หลากหลายมากมาย  เช่น  ไก่ตัวผู้   ไก่ตัวเมีย  ไก่สาว  ไก่อ่อน  ไก่ตอน  ไก่นา  ไก่งวง  ไก่อู  ไก่พันธุ์   ไก่ป่า  ไก่เตี้ย  ไก่แก้ว  ไก่ฟ้า  และ ไก่แจ้ ฯลฯ บังเกิดขึ้นในโลก
        
     ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า   ไข่เกิดก่อนไก่   เพราะจะต้องมี    มหาภูตรูป  หรือ อวินิพโภครูป  ซึ่งเป็น ไข่  เกิดอยู่ก่อน แล้วจะมีจิตที่จะสร้าง รูปไก่ เข้าไปอาศัย  จิต  เจตสิก  สร้างรูป  ถ้ามีแต่ จิต เจตสิก ไม่มีรูป   ก็ต้องเป็น อรูปพรหม

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้ว่า  จิต เจตสิก...มาก่อน  แล้วจึงถึง  รูป คือจิต   เจตสิก  รูป  นิพพาน ไปตามลำดับ  ฉะนั้น    ในตัวเรานี้สร้างรูปอยู่ตลอดเวลา   เราน้อยใจ  เสียใจ  พอใจ ไม่พอใจ  โกรธ  เกลียด อาฆาต พยาบาท  จองเวร  รัก  ชอบ หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน  เบื่อหน่าย รำคาญใจ ฯลฯ  เขาบันทึกสร้างรูปไว้หมด ฉะนั้น ในจิตของเรานี้มีสัตว์นานาชนิด และเขาจะต้องไปเกิดทุกชนิดตามที่เราสร้างกัมมะไว้ กัมมะ ไม่ได้แปลว่า  การกระทำ  แต่  กัมมะ  คือ  กัมมะ ๒๙
            กัมม ๒๙   :    อกุสลจิต                 ๑๒
            กามาวจรมหากุสลจิตต     
                        รูปาวจรมหากุสลจิตต      
                      อรูปาวจรมหากุสลจิตต    

เราไม่สามารถบังคับได้ว่า เราจะไปเกิดเป็นอะไร   อย่าคิดว่า   เรื่อง  โลภะ   โทสะ โมหะ  เป็นเรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องที่ให้โทษอย่างมหันต์ เราท่านทั้งหลายที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ในขณะนี้ ต้องบอกว่าเป็นชาติสุดท้ายที่จะเลือกทางเดิน เพราะถ้าตกอปายภูมิแล้ว  โอกาสจะกลับมาเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก  เพราะต้องอยู่ในอปายภูมิเป็นระยะเวลายาวนาน  ขอให้ได้มีโอกาสได้สร้างกุสล คุณงามความดี  ให้ได้เกิดเป็นมนุษย์(มนุสฺส) หรือ เทวดา(เทวตา) มีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนา ได้พบพระสัทธัมมะคำสอนขององค์พระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อมนำเข้าสู่กระแส  มัคค  ผล นิพพาน ตราบใดที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ยังสามารถแก้ไขได้.

คำถาม - คำตอบ
ถาม :   ไก่ กับ ไข่  ใครเกิดก่อน ?
ตอบ :  ไข่ เกิดก่อน ไก่ เพราะ ไข่ คือ มหาภูตรูป    แต่จิตตเราที่สร้างกัมมะไว้ที่จะไปเกิดเป็นไก่ ไปปฏิสนธิในมหาภูตรูปที่เป็นไข่  สร้างรูปออกมาเป็นไก่  มหาภูตรูปไม่ได้บอกว่าจะเป็นอะไร  แต่กัมมะที่เราสร้างไว้อยู่ที่จิต  จะไปสร้างรูปนั้นตามกัมมะ เรียก กัมมชรูป  ขอให้มีอุตุชรูป และ อาหารชรูป มาร่วมเป็นองค์ประกอบในการสร้างรูปเท่านั้น  ก็จะเกิดรูปได้ ตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในเรื่อง ของ รูปสมุฏฐาน 

ถาม :    เราเป็นคน มาจากไหน?
ตอบ :   สมมุติชาติที่แล้วเป็นไก่ แต่มีปุญญกุสล(ปุญฺกุสล)ที่จะได้เกิดเป็นคน ไก่ตัวนี้ไม่กินจิ้งหรีด ไม่กินสัตว์อื่น  กินแต่ข้าวเปลือกโดยไม่ได้ไปขโมยเขามา (ถ้าไปขโมยจากยุ้งข้าว ก็เป็นคนไม่ได้  ต้องลงอปายภูมิอีก) การมาเกิดเป็นคน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ใน  ปฏิสนธิจิต ๑๙      วิปากจิต ที่นำมาเกิดเป็นคน  คือ อุเปกขาสหคตัง สันตีรณจิตตัง อสังขาริกัง   กามาวจรอเหตุกกุสลวิปากจิตตัง  ในขณะเดียวกัน ก็มี  อกุสลจิต ๑๒ ตามมาด้วย   ที่จะพาเราไปอปายภูมิ  เราได้สร้างกุสล ไว้ในเรื่องของปุญญกิริยาวัตถุ ๑๐  ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงทำให้เรามีโอกาสได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสสร้างปุญญกุสลต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาจิตของเราต่อไป

ถาม คน เกิดก่อน ไข่  หรือ  ไข่ เกิดก่อน คน ?
ตอบ : ไข่ เกิดก่อนคน เพราะไข่เป็นอวินิพโภครูป (อวินิพโภครูปรวมตัวเป็นไข่) แล้วจิตที่จะเกิดเป็นคน เข้าไปอาศัยในไข่นั้น

ถาม :   ไดโนเสาร์ กับ ไข่  ใครเกิดก่อน ?
ตอบ :   ไข่เกิดก่อนไดโนเสาร์ เราต้องนึกถึงมหาภูตรูป  มหาภูตรูปไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แต่กัมมะที่เราทำไว้จะไปสร้างสิ่งนั้น ฉะนั้น สัตวะนานาชนิดจึงมีอยู่มากมายมหาศาล     คนก็เช่นกันมีสัตวะนานาชนิดอยู่ในจิตอยู่แล้ว เนื่องจากกัมมะที่จิตของคนทำไว้นานาชนิด ขอให้มีอุตุชรูป และอาหารชรูปมาเป็นองค์ประกอบพร้อมในการสร้างรูปเท่านั้น

ถาม :   เวลาที่อัณฑชวิญญาณเข้าไปในมหาภูตรูป  แล้วทำไมออกมาเป็นไก่ได้ ?
ตอบ :   ขอให้นึกถึงมหาภูตรูป ๔ (อวินิพโภครูป ๘ )  ที่มีการรวมตัวกัน เป็นสสัมภาระ จะมีการรวมตัวกันมาจากมหาภูตรูป โดยการทำงานของวิเสสลักขณะของธาตุทั้งหลาย แล้วจะออกมาเป็นสิ่งนั้น จะมีเชื้อสายของไก่อยู่แล้ว ออกไข่ฟักเป็นตัวออกมาก็เป็นไก่อย่างเดียว

ถาม :   การที่หมูออกลูกเป็นตัว ทำไมไม่ออกลูกเป็นไข่ ?
ตอบ จิตเป็นตัวสร้างรูป  จิตสะสมการสร้างรูปไว้ตามกัมมะ  ตรงที่ กัมมอารัมมณะออกไป      ก็ออกไปสร้างรูปเป็นหมู   การปฏิสนธิมี ๔ ประเภทดังกล่าวแล้ว ตรงนี้เป็นการเกิดแบบ ชลาพุชะ การเกิดในครรภ์    จิต เข้าไปอยู่ในไข่ของแม่ที่อยู่ในครรภ์ อยู่ในเนื้อไข่ กินอาหารอยู่ในนั้น เจริญเติบโตเป็นตัว เวลาเกิดก็ออกมาเป็นตัว เป็นหมู ให้เราได้เห็น

ดังนั้นเราจะเห็นว่า การเกิดไม่จำเป็นว่า  จะต้อง   อยู่ในชลาพุชะ(ครรภ์) หรือ อยู่ในอัณฑชะ (ไข่) หรือ อยู่ในที่เปียกชื้น (สังเสทชะ) หรือ อุปัตติเกิดขึ้น (โอปปาติกะ) จิตสร้างรูปตามกัมมะที่ทำมา   ฉะนั้นต้นกำเนิดที่อะไรจะเกิดก่อน   อะไรจะเกิดทีหลัง    ก็ต้องมีมหาภูตรูปทั้งสิ้น
            
 จิต  เจตสิก  สร้างรูป    ถ้ามีแต่   จิต เจตสิก ไม่มีรูป    ก็ต้องเป็น อรูปพรหม  ซึ่งไม่มีรูป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้ว่า จิต  เจตสิก   มาก่อนแล้ว จึงถึงรูป  คือ   จิต เจตสิก  รูป  นิพพาน ไปตามลำดับ  ฉะนั้น  ในตัวเรานี้สร้างรูปอยู่ตลอดเวลา  สร้าง แล้วสามารถทำอะไรได้บ้าง เขาให้โอกาสแล้วที่จะไม่ให้ตกอปายภูมิ มีวิถีกระบวนการของจิตที่จะทำได้ ถ้าได้สิกขารู้ธัมมะของพระพุทธเจ้า  แต่ที่เราทำอยู่ในจิตมีแต่อกุสลทุกชนิด    เรามีแต่   น้อยใจ  เสียใจ   ไม่พอใจ  โกรธ  เกลียด อาฆาต พยาบาท  จองเวร ฯลฯ เขาบันทึกสร้างรูปไว้หมด    ฉะนั้น ในจิตของเรานี้สร้างสังขารเป็นสัตวะนานาชนิด และอย่าลืมว่าเขาจะไปเกิดทุกชนิด เราไม่สามารถบังคับได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ขึ้นสวรรค์เท่าเขาโค ลงนรกเท่าขนโค  เป็นได้จริงๆ   เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
            
ฉะนั้น เวลาที่พรหม จุติจากพรหมมาเป็นเทวดา  จุติจาก เทวดามาเป็นมนุษย์  ถ้าเรามีภูมิของมนุษย์ หรือ เทวดา  อยู่ในจิตเรามากๆ เราก็จะเวียนว่ายอยู่ในความเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา  ดังนั้น พระโพธิสัตต์     ท่านจะไม่เกิดเป็น อปายสัตว์ อีกแล้ว ถึงเวลาท่านก็จะเป็น มนุษย์ เทวดา เพราะท่านสร้างมหากุสลอยู่ในภวังคจิตของท่าน เรียกว่า    มหาวิปากจิต    เราท่านทั้งหลายที่ได้เกิดเป็นมนุษย์อยู่ในขณะนี้   ต้องบอกว่าเป็นชาติสุดท้ายที่จะเลือกทางเดิน    เพราะถ้าตกอปายภูมิ ๔  เพราะ โลภะ    โทสะ  โมหะ แล้ว   โอกาสที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก   เพราะต้องอยู่ในอปายภูมิเป็นเวลายาวนาน
             
ดังนั้น ขอให้เราท่านทั้งหลายจงเร่งขวนขวายสิกขาในพระพุทธธัมมะคำสอนขององค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐  พระธัมมขันธะ     เพื่อจะได้สะสมภูมิธัมมะไว้ในภวังคจิต    เพื่อเข้าสู่กระแสธัมมะ   บรรลุธัมมะ       จนเข้าสู่พระนิพพาน     ไม่ต้องมาเวียนว่ายในสังสารวัฏฏะ อันยาวนานนี้     อีกต่อไป.   

สาธุ  สาธุ  สาธุ  อนุโมทามิ
รวบรวมเรียบเรียงโดย.........วิเสสลกฺขณมิตฺตา
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก(ติปิฏกะ) ๘๔๐๐๐พระธัมมขันธะ
.............................................................................................................
                                                     

          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น