คำถาม
– คำตอบ (๙-๑๐)
(ตามธัมมคัมภีระ)
๙. (คำถาม) : นักกัมมฐาน (กำมะถาน) กล่าวถึงคำว่า “ปริกรรม(ปริกมฺม)” อยู่เสมอๆ อยากทราบว่า ปริกรรม คือ อย่างไร?
(คำตอบ) : “ปริกรรม หรือ ปริกัมมะ” เป็น กระบวนการหนึ่งของ วิถีจิต คำว่า
“ปริกรรม” ภาษาโลก แปลว่า รอบ ดูแลรอบ รอบอะไร?
ในภาษาธัมมะ คำว่า “ปริ” คือต้องดูให้รอบ รอบจิตตะ
๑๒๑ รอบเจตสิกะ ๕๒ รอบรูปะ ๒๘ ตลอดจนการทำงานของจิตตะ เจตสิกะ รูปะ ต้องดูรอบตั้งแต่ปริจเฉท ๑
ถึง ปริจเฉท ๙ ดูรอบในพระวินัยปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธัมมขันธะ ดูรอบในพระสุตตันตปิฎก ๒๑,๐๐๐ พระธัมมขันธะ ดูรอบในพระอภิธัมมปิฎก ๔๒,๐๐๐ พระธัมมขันธะ ปริต้องรอบไปหมด
ทั้งรอบในและรอบนอก รอบในเรียกว่า “กรรม(กมฺม)” ปริต้องสิกขาถูกต้องแท้จริงในพระพุทธธัมมะคำสอน “ปริ” อาจแปลว่า “ปริมณฑล” คือ ดูหมดทุกเรื่อง ตลอดถึง “ปรินิพพาน” “ปริ” อาจจะเป็น “ปริสุทธิ์” ตลอดไปจนเป็น “วิสุทธิ” คือ ถึงซึ่งความเป็นพระอรหันต์
คำว่า “กรรม หรือ กัมมะ” ภาษาโลกแปลว่า “การกระทำ”
แต่ในภาษาธัมมะ “กัมม” ต้องประกอบด้วย กาย วาจา ใจ (จิตตะ)
พูดถึงกัมมะต้องนึกถึง กัมมะ
๒๙ ประกอบด้วย โลภจิตตะ ๘ โทสจิตตะ ๒ โมหจิตตะ ๒ กามาวจรมหากุสลจิตตะ ๘ รูปาวจรมหากุสลจิตตะ ๕ อรูปาวจรมหากุสลจิตตะ ๔ รวมเป็น ๒๙ และรวม มัคคกัมมะ ๒๐
เป็นตัวตัดกัมมะ รวมเป็น กัมมะ ๔๙
เมื่อรวม
ปริ และกัมมะ เข้าด้วยกันเป็น “ปริกัมมะ”
เมื่อรู้รอบหมดทุกอย่างแล้วจึงมาปริกัมมะ ต้องปริกัมมะตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงจะรอดพ้นอันตราย
เมื่อเรามาปริ รู้รอบถูกส่วนทุกอย่าง รู้จิตทั้งหมดว่า อะไรคือโลภะ? อะไรคือโทสะ? อะไรคือโมหะ? อะไรคือมหากุสล? รู้จิต เจตสิก รูป จึงจะมาถึงการทำงาน “ปริกัมมะผิด” สร้างรูปไปลงนรก แต่ “ปริกัมมะถูก” จะเป็นกามาวจรมหากุสลจิตตะ ๘ ปริกัมมถูก เป็น รูปาวจรมหากุสลจิตตะ
๕ ปริกัมมถูก จะเป็น อรูปาวจรมหากุสลจิตตะ
๔ เพราะกัมมะนี้สามารถทำได้ถึง ๒๙
หรือ ๔๙ ทำปริกัมมะผิดก็พาไปกัมมชรูป ไปสร้างรูป และยังมี จิตตชรูป มาช่วยด้วยให้สร้างรูปในอปายภูมิ
๔
การปริกัมมะ ต้องดูอย่างรอบคอบ เช่น ดูจิตตะแต่ละจิตตะอย่างรอบคอบ ตั้งแต่จิตตะที่ ๑ ไปจนถึงจิตตะที่ ๑๒๑ ถ้าเราไม่ศึกษา เราก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องรู้ เมื่อนึกอย่างนี้ก็มีแต่โลภะ โทสะ โมหะ สร้างให้เกิด กัมมชรูป เพื่อจะไปจุติ แล้วไปปฏิสนธิเกิดเป็นกัมมชรูป ใน
อปายภูมิ
ดังนั้นการทำกัมมัฏฐาน ถ้าเรารู้ เราสิกขาพุทธธัมมะคำสอน ก็จะแยกได้ว่า ถ้าทำผิด รู้ผิด
ศึกษาผิด เห็นผิด เข้าใจผิด นอกคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังกล่าวตู่ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ ก็จะสร้าง กัมมชรูปในอปายภูมิ แต่เช่นเดียวกัน
ถ้าทำมหากุสลจิตตะก็จะสร้างกัมมชรูปเช่นกัน ถ้ายังไม่บรรลุธัมมะ
ก็จะสร้างรูปให้เป็น รูปที่เป็นกามาวจรมหากุสล คือเป็น มนุษย์ เทวดา ถ้าเป็น รูปาวจรมหากุสล ก็สร้างรูปให้เป็นพรหม
เป็นกัมมชรูปอีก ถ้าทำแล้วไม่บรรลุก็ตัดเป็นอรูป
เป็นนาม เป็นอรูปพรหม ปริเป็นตัวรอบรู้ กัมมะ
คือ จิตตะ เมื่อปริกัมมะไปอยู่กับจิตตะ จิตตะก็ดูให้รอบคอบ
รอบคอบตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็เป็นที่แน่แท้ว่า เราไม่ไปอปายภูมิแน่นอน.
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
วิเสสลกฺขณมิตฺตา
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก(ติปิฏกะ) ๘๔๐๐๐ พระธัมมขันธะ(กระทรวงอุตสาหกรรม)
...............................................................................................................................................................
๑๐. (คำถาม) : จิตตะ (จิตฺต) มาจากไหน?
๑๐. (คำถาม) : จิตตะ (จิตฺต) มาจากไหน?
(คำตอบ)
: คำถามนี้เป็นคำถามที่ไร้สาระที่จะตอบว่า
จิตตะมาจากไหน? เพราะจิตตะมีมาเป็นอเนกอนันตชาติ หาต้นชนปลายไม่เจอ
การถามหาว่าจิตตะมาจากไหน เป็นเรื่องเสียเวลาค้นหา เพราะต่างคนต่างไม่รู้ ควรถามว่า : “จะต้องทำจิตตะ(จิตฺต)อย่างไร จึงจะหนีทุกข์(ทุกฺข)ได้?” เช่นเดียวกับคำถามว่า “จิตตะมาจากไหน?” ถ้าอย่างนั้นคำถามว่า “ความคิดมาจากไหน เอาออกมาให้ดูซิ?” ถ้าเอาความคิดออกมาให้ดูได้นั่นคือ เห็นจิตตะ
ถ้าเราไม่เห็นจิตตะ เขาก็ไม่เห็น จึงไม่ต้องถามเลยว่า จิตตะมาจากไหน? อธิบายไปก็ไม่รู้เรื่อง เพราะภูมิธัมมะ(ภูมิธมฺม) ของเรายังไม่มี
เราควรจะถามว่า : “เราจะกำจัดความน้อยใจ ความเสียใจ ความโกรธ ความเกลียด
ความอาฆาต ความพยาบาท ความจองเวร หรือ ความฟุ้งซ่าน ได้อย่างไร? เราจะสิกขา (ศึกษา) พระพุทธศาสนาให้เข้าใจได้อย่างไร?” แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า “จิตตะมาจากไหน?” เราควรจะสิกขาว่า “เราจะทำจิตตะอย่างไร ให้เราได้อยู่อย่างสุขสบาย”
จาก การสิกขาในพระไตรปิฎก(ติปิฏก) ทำให้รู้ว่า
:
จิตตะ มาจากไหน? ......... จิตตะ มาจาก อวิชชา
อวิชชา มาจากไหน? ......... อวิชชา มาจาก ชาติ ชรา มรณะ
ชาติ มาจากไหน? ......... ชาติ มาจาก ภพ
ภพ มาจากไหน? ......... ภพ มาจาก อุปาทาน
อุปาทาน มาจากไหน? ......... อุปาทาน มาจาก ตัณหา
ตัณหา มาจากไหน? ......... ตัณหา มาจาก เวทนา
เวทนา มาจากไหน? ......... เวทนา มาจาก ผัสสะ
ผัสสะ มาจากไหน? ......... ผัสสะ มาจาก สฬายตนะ
สฬายตนะ มาจากไหน? ......... สฬาตยนะ มาจาก นามรูป
นามรูป มาจากไหน? ......... นามรูป มาจาก วิญญาณ
วิญญาณ มาจากไหน? ......... วิญญาณ มาจาก สังขาร
สังขาร มาจากไหน? ......... สังขาร มาจาก อวิชชา
อวิชชา มาจากไหน? ......... อวิชชา มาจาก ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ
นี่คือข้อเฉลยว่า “จิตตะ มาจาก อวิชชา” ก็จะเป็นข้อเฉลย เป็นคำตอบที่จะวนเวียนไปเช่นนี้ไม่มีวันจบสิ้น
เป็นปัจจยาการต่อเนื่องกันไปไม่สิ้นสุด ที่เรียกว่า “ปฏิจจสมุปปาทะ”
ทำให้สัตวะทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภูมิ คือ
อปายภูมิ๔ (สัตว์นรก๑ เปรต๑ อสุรกาย๑
สัตว์เดรัจฉาน๑) มนุสสภูมิ๑ เทวภูมิ๖ พรหมภูมิ๑๖
อรูปพรหมภูมิ๔ จนกว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้
นำสัตวะทั้งหลายออกจากสังสารวัฎฎะนี้ได้.
สาธุ สาธุ
สาธุ อนุโมทามิ
***วิเสสลกฺขณมิตฺตา***
ชมรมสิกขาธัมมะตามพระไตรปิฎก(ติปิฏกะ) ๘๔๐๐๐พระธัมมขันธะ
..............................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น