พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตให้เล่าเรียนพุทธวจนะ
ตามภาษาเดิม (ภาษามคธ)
จากพระวินัยปิฎกจุลวรรค ทุติยภาค เล่มที่ ๙/๙๑ ฉบับอรรถกถา ความว่า :
สมัยนั้น ภิกษุ(ภิกฺขุ)สองรูปเป็นพี่น้องกัน ชื่อ เมฏฐะ และ โกกุฏฐะ เป็นชาติพราหมณ์ พูดจาอ่อนไหว เสียงไพเราะ เธอสองรูปนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วกราบทูลว่า “พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ภิกขุทั้งหลาย ต่างชื่อ ต่างโครต ต่างชาติ ต่างสกุลกัน เข้ามาบวช(ปพฺพชฺชา) พวกเธอจะทำพระพุทธวจนะ ให้ผิดเพี้ยนจากภาษาเดิม (ภาษามคธ) มิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะขอยกพระพุทธวจนะขึ้น โดยภาษาสันสกฤต”
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า “ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้กล่าวอย่างนี้ว่า มิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะยกพระพุทธวจนะขึ้น โดยภาษาสันสกฤตดังนี้เล่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั้น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส.............ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกขุทั้งหลายว่า :
“ดูก่อนภิกขุทั้งหลาย ภิกขุไม่พึงยกพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต รูปใดยก ต้องอาบัติ(อาปตฺติ)ทุกกฎ”
ตถาคต อนุญาตให้เล่าเรียน พุทธวจนะ ตาม ภาษาเดิม (ภาษามคธ)
หมายเหตุ :
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประสูติที่กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ซึ่งใช้ ภาษามคธ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมได้ทุกภาษาในโลก แม้ภาษา เทพ พรหม เทวา โดยส่วนมากทรงแสดงด้วยภาษามคธ เพราะเป็นภาษาสามัญที่ชาวบ้านใช้พูดกันทั่วไป
ภาษามคธ ได้รับการยกย่องไว้ ๔ ฐานะ คือ:
๑. สัมพุทธโวหารภาษา(สมฺพุทฺธโวหารภาสา) คือ ภาษาอันเป็นโวหารของพระพุทธเจ้า
๒. อริยโวหารภาษา(อริยโวหารภาสา) คือ ภาษาอันเป็นโวหารของพระอริยเจ้า
๓. ยถาภุจจโวหารภาษา(ยถาภุจฺจโวหารภาสา) คือ ภาษาสำหรับบันทึกสภาวธรรม
๔. ปาลีภาษา(ปาลีภาสา) คือ ภาษาที่รักษาพระพุทธวจนะ
ภาษามคธ นับเป็นภาษาที่สูงกว่าภาษาทั้งหลาย เพราะสมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษและสภาวนิรุตติ เป็นภาษาที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความหมายและอธิปาย มีอำนาจในการแสดงอรรถและอธิปายได้แน่นอน เป็นภาษาที่ผู้วิเศษทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นทรงใช้อยู่
ภาษามคธเป็น มูลภาษา ( ภาษาเดิม) เป็นภาษาทั่วไปของสัตวโลก หนาแน่นอยู่ในที่ทั้งปวง คือ :
๑. ในนรก
๒. ในกำเนิด แห่งสัตว์เดรัจฉาน
๓. ในกำเนิด แห่งเปรต
๔. ในมนุษยโลก
๕. ในเทวโลก (เทวดา พรหม)
ภาษามคธจัดเป็นภาษาของมนุษย์ในยุคแรกของโลก เมื่อโลกแตกสลาย พรหมโลกมิได้ถึงกาลแตกสลายไปด้วย ฉะนั้นพรหมโลกส่วนมากจึงตั้งอยู่ในสภาพเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง มนุษย์(มนุสฺส)ในยุคแรกของโลกนั้นเป็นผู้จุติมาจากอาภัสสราพรหมด้วยอุปาทปฏิสนธิ มนุษย์ดังกล่าวนั้นพูดภาษามคธ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในพรหมโลก ฉะนั้นในคัมภีรรูปสิทธิ จึงแสดงไว้ว่า : ในบัญชีผู้พูดภาษามคธทั้งหลาย มีชื่อมนุษย์ยุคแรกของโลกด้วย ภาษามคธจึงนับได้ว่าเป็น "มูลภาษา” คือ ภาษาเดิม อันถือว่าเป็นต้นกำเนิดของภาษาทั้งหลาย
ในการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ ณ ถ้ำสัตตปัณณคูหา ข้างภูเขาเวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
พระมหากัสสปเถระ ประธานสังฆะ เป็นชาวมคธ พูดภาษามคธ
พระมหาอานนทเถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นชาวกบิลพัสดุ์ พูดภาษามคธ วิสัชชนาพระธรรม ด้วยภาษามคธ
พระมหาอุปาลีเถระ เป็นชาวกบิลพัสดุ์ พูดภาษามคธ วิสัชชนาพระวินัย ด้วยภาษามคธ
การเผยแผ่ธรรมในระยะเบื้องต้นเป็นไปในแคว้นมคธ ประชาชนพูดภาษาพื้นเมืองด้วยภาษามคธ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยืมภาษามคธ มาเป็น ภาษาพุทธวจนะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่ประชาชนได้ง่าย จึงพูดได้ว่า ภาษาเดิม คือ ภาษามคธ
*หมายเหตุ การใช้ภาษาในหนังสือเล่มนี้
ภาษาที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้ จะมีคำบางคำเขียนขึ้นมาให้ท่านรู้จักคุ้นเคยกับ ภาษามคธ เป็นภาษาที่ใช้ในการจารึกพระธรรมวินัยไว้ในใบลาน ในการสังคายนาครั้งที่ ๕ ณ อาโลกวิหาร มลัยชนบท ประเทศศรีลังกา เมื่อพุทธศักราช ๔๓๓ สืบทอดกันมาจนเป็น “พระไตรปิฎก (ติปิฏก)” อันล้ำค่าประเสริฐยิ่งในปัจจุบัน จาก ภาษาไทย ไปสู่ ภาษามคธ ไปสู่ ภาษาพุทธวจนะ (ภาษาธรรม) คือ ภาษาโลกุตตระ ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดจากความตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะนำไปสู่ มรรค(มคฺค) ผล(ผล) นิพพาน(นิพฺพาน) โดยแท้.
คำเปรียบเทียบ
สันสกฤต – ไทย ภาษามคธ อ่านว่า
กรรม กมฺม กัมมะ
กุศล กุสล กุสละ
กัป กปฺป กัปปะ
กิเลศ กิเลส กิเลสะ
ขันธ์ ขนฺธ ขันธะ
โคตร โคตฺต โคตตะ
จิต จิตฺต จิตตะ
จักษุ จกฺขุ จักขุ
เจดีย์ เจติย เจติยะ
ดาวดึงส์ ตาวตึสา ตาวติงสา
ดุสิต ตุสิตา ตุสิตา
ไตรปิฎก ติปิฏก ติปิฏกะ
ตรรก ตกฺก ตักกะ
เทวดา เทวตา เทวตา
เทศนา เทสนา เทสนา
โทษ โทส โทสะ
ทักษิโณทก ทกฺขิโณทก ทักขิโณทกะ
ธรรม ธมฺม ธัมมะ
ธรรมขันธ์ ธมฺมขนฺธ ธัมมขันธะ
ธรรมวินัย ธมฺมวินย ธัมมวินยะ
บารมี ปารมี ปารมี
บิณฑบาตร ปิณฺฑปาต ปิณฑปาตะ
บวช ปพฺพชฺชา ปัพพัชชา
บุญ ปุญฺญ ปุญญะ
บาตร ปตฺต ปัตตะ
บาป ปาป ปาปะ
บัญญัติ ปญฺญตฺติ ปัญญัตติ
บัณฑิต ปณฺฑิต ปัณฑิตะ
บริษัท ปริสา ปริสา
บรมศาสดา ปรมสตฺถา ปรมสัตถา
บิดา ปิตา ปิตา
ปฏิบัติ ปฏิปตฺติ ปฏิปัตติ
ประณีต ปณีต ปณีตะ
ปัจจุบัน ปจฺจุปปนฺน ปัจจุปปันนะ
ประกาศ ปกาส ปกาสะ
เปรต เปต เปตะ
พยากรณ์ พฺยากรณ พยากรณะ
พุทธศาสนา พุทฺธสาสนา พุทธสาสนา
พุทธศาสดา พุทฺธสตฺถา พุทธสัตถา
พุทธพจน์ พุทฺธวจน พุทธวจนะ
พุทธบริษัท พุทฺธปริสา พุทธปริสา
พุทธกิจ พุทฺธกิจฺจ พุทธกิจจะ
พุทโธวาท พุทฺโธวาท พุทโธวาทะ
พุทธางกูร พุทฺธางฺกุร พุทธางกุระ
ภาษา ภาสา ภาสา
ภิกษุ ภิกฺขุ ภิกขุ
ภิกษุณี ภิกฺขุนี ภิกขุนี
ภัทรกัป ภทฺทกปฺป ภัททกัปปะ
มนุษย์ มนุสฺส มนุสสะ
มหาภิเนษกรมณ์ มหาภิเนสฺกรมณ มหาภิเนสกรมณะ
มารดา มาตา มาตา
มรรคา มคฺคา มัคคา
วินัย วินย วินยะ
ศรีอาริยเมตไตรย สิริอาริยเมตฺเตยฺย สิริอาริยเมตเตยยะ
ศรีมหาโพธิ สิริมหาโพธิ สิริมหาโพธิ
ศีล สีล สีละ
ศึกษา สิกฺขา สิกขา
ศรัทธา สทฺธา สัทธา
ศีรษะ สีส สีสะ
ศาลา สาลา สาลา
สหัมบดีพรหม สหมฺปตีพฺรหฺม สหัมปตีพรหม
สัทธรรม สทฺธมฺม สัทธัมมะ
สารีบุตร สารีปุตฺต สารีปุตตะ
อุบาสก อุปาสก อุปาสกะ
อุบาสิกา อุปาสิกา อุปาสิกา
อสงไขย อสงฺเขยฺย อสังเขยยะ
อดีต อตีต อตีตะ
อุบัติ อุปฺปตฺติ อุปปัตติ
อภิธรรม อภิธมฺม อภิธัมมะ
อากาศ อากาส อากาสะ
อุบาย อุปาย อุปายะ
อบายภูมิ อปายภูมิ อปายภูมิ
อกุศล อกุสล อกุสละ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
วิเสสลกฺขณมิตฺตา
วิเสสลกฺขณมิตฺตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น